Allergyโรคภูมิแพ้ เป็นโรคที่เกิดจากภูมิคุ้มกันผิดปกติ ทำให้เกิดอาการเมื่อสัมผัสหรือสูดดมสารก่อภูมิแพ้

โดยมีปัจจัยส่งเสริมคือ สภาวะแวดล้อมโดยเฉพาะสภาวะมลพิษทางอากาศที่นับวันจะเลวร้ายลงเรื่อยๆ

จากสถิติพบว่า เด็กที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครมีอาการเจ็บป่วยจากโรคภูมิแพ้ประมาณ 60 %

โรคภูมิแพ้นอกจากจะทำให้เกิดอาการผิดปกติแล้ว ยังเป็นสาเหตุให้เกิดโรคตามมาอีก เช่น ไซนัสอักเสบ

ริดสีดวงจมูก หอบหืด หลอดลมอักเสบเรื้อรัง ทอลซินอักเสบเรื้อรังหรือทำให้เกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

ซึ่งมีผลต่อสุขภาพการนอน หัวใจ และสมอง ดังนั้นจึงไม่ควรปล่อยให้มีอาการภูมิแพ้ไปเรื่อยๆ

โดยไม่มีการรักษาเพราะอาจทำให้เกิดโรคอื่นแทรกซ้อนขึ้นมาได้

ชนิดของโรคภูมิแพ้ อาจแบ่งตามระบบของร่างกาย ออกได้เป็น 5 กลุ่มคือ

  1. โรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจ ได้แก่ โรคหืด (Astha)
  2. โรคโพรงจมูกอักเสบจากภูมิแพ้หรือโรคแพ้อากาศ (Allergic rhinitis)
  3. โรคภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Allergic skin disease)
  4. โรคภูมิแพ้ทางตา (Eye allergy)
  5. โรคภูมิแพ้ทางเดินอาหาร
  6. Allergy 1Allergy 2

วิธีป้องกันภูมิแพ้

  1. ควรได้รับแสงแดดเพื่อเพิ่มหยางในร่างกาย ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในการเดินออกกำลังกาย สามารถเพิ่มภูมิคุ้มกันในร่างกาย ลดอาการเกิดภูมิแพ้ แนะนำให้ออกกำลังกายในช่วงที่แดดไม่แรงจนเกินไป โดยให้แสงแดดส่องที่บริเวณแผ่นหลังและฝ่ามือเป็นหลัก
  2. หลีกเลี่ยงและอยู่ห่างไกลจากฝุ่นละออง ควันรถยนต์ในชั้นบรรยากาศ ควันก๊าซจากโรงงาน หรือสิ่งกระตุ้นอื่นๆ เช่น ควันบุหรี่ เป็นต้น
  3. การนอนหลับพักผ่อน ไม่ควรเข้านอนดึกจนเกินไป เพราะในช่วงหลังจาก 5 ทุ่มเป็นต้นไป จะเป็นช่วงที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมีการซ่อมแซมและฟื้นฟูปรับสมดุล การนอนดึกจะไปทำลายระบบการฟื้นฟูของภูมิคุ้มกัน ทำให้เกิดภูมิแพ้ขึ้น
  4. ปรับอาหาร โดยการกินอาหารที่ต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี คนเราสร้างวิตามินซี ไม่ได้ ไม่เหมือนสุนัข, แมว ซึ่งสร้างวิตามินซีได้ วิตามินซีจะอยู่ในอาหารประเภทเปรี้ยว, ฝาด คือ ผักผลไม้ที่สดๆ อนุมูลอิสระอีกกลุ่มหนึ่ง คือ วิตามินเอ เบต้าแคโรทีน ซึ่งอยู่ในผักผลไม้ที่มีสีเขียวจัด, สีเหลือง, สีแดง, สีม่วง, แครอทมีเบต้าแคโรทีน แต่มีไม่มาก แครอท 100 g. มีวิตามินเออยู่ 1,144 อินเตอร์เนชั่นแนลยูนิต แต่ที่มีเบต้าแคโรทีนมาก คือ ผักเหลียง, ผักปัง, ผักขี้เหล็ก 100. มีวิตามิน 43,333 อินเตอร์เนชั่นแนลยูนิต มากกว่าแครอท 40 เท่า วิตามินอีกตัวที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ คือวิตามินอี ซึ่งมีอยู่ในเมล็ดธัญพืช เช่น เมล็ดทานตะวัน, เมล็ดฟักทอง มังคุด สมอพิเภก ผักคาวตองหรือพลูคาว เป็นต้น