Hophert 1 สวัสดี ครับในตอนนี้ ผมจะได้นำเอาข้อมูลความรู้เกี่ยวกับกลไกการออกฤทธิ์ของสมุนไพรคาว สูตรตำรับที่ผมได้พัฒนาขึ้นมา ว่ามีผลต่อดีโรคหอบหืดอย่างไร เพื่อให้ท่านได้นำไปประยุกต์ใช้เป็นการแพทย์ทางเสริมในการดูแลสุขภาพของท่าน และคนใกล้ชิดของท่านต่อไป

โรคหอบหืด หรือ โรคหืด เป็นอาการของโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ และภาวะภูมิแพ้ ซึ่งเกิดจากหลอดลมมีการอักเสบเรื้อรังทำให้เซลล์ต่างๆ เช่น mast cell ,eosinophils ,T-lymphocyte ,macrophage ,neutrophil จะ มาสะสมอยู่ที่เยื่อบุของผนังหลอดลม และก่อให้เกิดปฏิกิริยาตอบสนองกับสารก่อภูมิแพ้ และสิ่งแวดล้อมรอบตัวได้มากกว่าคนปกติ ตามปกติการอักเสบไม่ว่าจะเกิดขึ้นที่ไหนก็จะทำให้เส้นเลือดขยายตัวมีเส้นผ่า ศูนย์กลางใหญ่ขึ้นและทำให้อวัยวะที่มีเส้นเลือดนั้นอยู่บวมขึ้น ดังนั้นเมื่อผนังหลอดลมอักเสบจะทำให้เยื่อบุผนังหลอดลมหนาขึ้น ปกติกล้ามเนื้อหลอดจะมีความไวมากกว่าปกติ ทำให้เมื่อได้รับการกระตุ้น หลอดลมที่อักเสบเรื้อรังในผู้ป่วยโรคหืดจะเกิดการหดและเกร็งตัว ท่อที่หายใจเอาอากาศผ่านเข้าปอดจะแคบลง ส่งผลให้อากาศไหลเข้าปอดลำบาก ผู้ป่วยจึงต้องหายใจเร็วและแรงขึ้นเพื่อส่งอากาศเข้าปอดได้พอเพียงตามที่ ต้องการ ส่งผลให้ผู้ป่วยหอบหืด มักจะมีอาการไอ หายใจมีเสียงผิดปกติคล้ายเสียงหวีด แน่นหน้าอก หอบเหนื่อยซึ่งจะเกิดแบบเฉียบพลันเมื่อได้รับสารก่อภูมิแพ้ โรคหอบหืดสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกวัย ทุกช่วงอายุเราไม่มั่นใจมากที่จะยืนยันแน่ชัดว่าอะไรคือสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคหอบหืด

Hophert 2ใน ทางการแพทย์แบบแผนถือว่าโรคหอบหืดไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ อย่างไรก็ตามวิธีการบำบัดต่างๆจะช่วยลดปริมาณความถี่ ความรุนแรง และระยะเวลาที่อาการกำเริบได้ ถ้ามีอาการหอบหืดขั้นรุนแรง อาจจะต้องบำบัดด้วยการรับประทานยาเม็ดสเตอรอยด์ เช่น prednisolone และ ตัวยาอื่นๆ อีกหลายตัว ซึ่งโดยทั่วไป เมื่อมีอาการหอบหืดเรื้อรัง ผู้ป่วยมักลงเอยด้วยการกินเพร็ดนิโซโลน ซึ่งจะทำให้เป็นวัฏจักรเลวร้ายเช่นภูมิต้านทานต่ำจากยานี้ ส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอ และไวต่อการกระตุ้นจากสารกระตุ้นอาการหอบหืดมากยิ่งขึ้น

ใน อนาคตอันใกล้นี้ การแพทย์สะเต็มเซลล์กำลังค่อยๆเข้ามาแทนพื้นที่การรักษาโรคเสื่อมหลายชนิด ที่รักษาให้หายขาดไม่ได้ในปัจจุบัน จากการทดลองเราพบว่าสะเต็มเซลล์จากไขกระดูกมีความสามารถที่จะเคลื่อนย้ายไป ยังตับ ผิวหนัง ทางเดินอาหาร กล้ามเนื้อหัวใจหรือเยื่อบุทางเดินหายใจหรืออวัยวะทุกแห่งที่เกิดอักเสบหรือ ความเสียหายได้ มีการทดลองในต่างประเทศที่ใช้สารเบต้ากลูแคนจากผนังเซลล์ยีสต์ในรูปแบบโครง สร้างโมเลกุลที่แตกต่างกันไปหลากหลายรูปแบบ เพื่อไปกระตุ้นไขกระดูกให้ผลิตสะเต็มเซลล์มากขึ้น เซลล์หรืออวัยวะที่อักเสบจะปลดปล่อยโมเลกุลพิเศษ ที่เป็นเหมือนการส่งสัญญานเรียกสะเต็มเซลล์ที่ไหลเวียนในกระแสเลือดให้มา เกาะและซ่อมแซมเซลล์เยื่อบุที่เสียหายหรือทำงานผิดปกติให้กลับมาทำงานปกติ เหมือนเดิม หากเกิดความเสียหายน้อยสะเต็มเซลล์ก็จะทำการซ่อมแซมทันไม่เกิดพยาธิสภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่ร่างกายทำทุกวันตลอดชีวิตของเรา แต่หากเกิดการอักเสบเรื้อรังที่เยื่อบุหรือเนื้อเยื่อที่บุภายในหลอดลม แสดงว่าร่างกายหรือระบบการซ่อมแซมจากสะเต็มเซลล์ทำการซ่อมแซมไม่ทันหรือ จำนวนสะเต็มเซลล์ในกระแสเลือดมีปริมาณน้อยเกินไป ดังนั้นเมื่อมองในมุมกลับ หากเราให้คนที่เป็นโรคหอบหืดได้กินสารที่มีคุณสมบัติกระตุ้นไขกระดูกให้ผลิต สะเต็มเซลล์ได้มากขึ้นเช่นฉีด G-CSFหรือกินเบ ต้ากลูแคน ที่มีอยู่ในสูตรตำรับของยาคาวตองแคปซูล ไขกระดูกก็จะผลิตสะเต็มเซลล์ให้ออกมาไหลเวียนในกระแสเลือดมากขึ้น สะเต็มเซลล์จำนวนมากก็จะไปเกาะเซลล์เยื่อบุผนังหลอดลมตามสัญญานที่ส่งมาจาก เซลล์ที่บาดเจ็บเสียหายแล้วเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์ที่เสียหายนั้นๆและทำ หน้าที่ที่เซลล์นั้นทำเป็นปกติอีกด้วย           

Hophert 3ในกรณีที่หลอดลมตีบตัน การทำงานของสะเต็มเซลล์ก็จะไปทำให้เกิดการสร้างกล้ามเนื้อหรือเยื่อบุทาง เดินหายใจที่ไม่ไวต่อสารก่อการแพ้ได้ ดังนั้นเราจะเห็นว่าข้อมูลจากการทดลองในต่างประเทศที่แสดงให้เห็นว่าสะเต็ม เซลล์สามารถซ่อมแซมเซลล์ที่อักเสบหรือทำงานไม่ปกติใหม่ได้ สามารถนำมาอธิบายปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นจากการที่ผู้ป่วยด้วยโรคหอบหืด ที่กินยาคาวตองแคปซูลหรือสมุนไพรคาวตองชนิดน้ำแล้วอาการดีขึ้นอย่างชัดเจน ว่า เป็นกลไกการทำงานของสะเต็มเซลล์ที่เข้าไปซ่อมแซมอวัยวะที่เสียหายอย่างต่อ เนื่องนั่นเอง กลไกการออกฤทธิ์ของสมุนไพรคาวตองนี้จึงเป็นความหวังที่จะทำให้ผู้ป่วยหอบหืด หายขาดจากโรคนี้ได้ สำหรับยาคาวตองแคปซูลที่ผลิตโดยกรรมวิธี Active Freeze Drying ที่หลายท่านมีประสบการณ์ในการกินแล้ว ปัญหาเกี่ยวกับโรคหอบหืดหรือหายใจไม่สะดวกหายไปอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาเพียง 1-2 วัน นั้น อาจเกิดขึ้นจากอุณหภูมิในการทำแห้งนั้นต่ำจึงสามารถรักษาคุณสมบัติของยาไว้ ครบถ้วน หรือผงยาที่ละเอียดมากๆทำให้มีพื้นที่ผิวของผงยาโดยรวมสูงมากหรืออาจจะเป็น ความเข้มข้นที่สูงของสารออกฤทธิ์ที่เกิดขึ้นในระหว่างกระบวนการผลิตสมุนไพร คาวตอง เรื่องนี้ทางทีมงานก็จะได้หาทางศึกษาวิจัยให้ลึกซึ้งต่อไป

หมายเหตุ : ข้อมูลที่เขียนในบทความเป็นความเห็นและประสบการณ์เฉพาะของผู้เขียน การนำเอาไปใช้เองต้องผ่านการพิจารณาโดยรอบคอบจากตัวท่านเองและผู้เชี่ยวชาญ ที่เกี่ยวข้องก่อนเสมอภก.อุดม รินคำ

ตัวอย่างผู้ป่วย- ที่มีอาการหอบหืดและประสบผลสำเร็จในการใช้สมุนไพรคาวตอง

  1. คุณอุหมาก สารวารี  อยู่  ต.เหนือคลอง อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ ป่วยเป็นมือเท้าชา มาประมาณ 10 ปี  ความดันสูง(170-200) หอบหืด เวลานอนมีเสียงดังเหมือนมีคนมาเป่านกหวีดที่ข้างหูตลอดเวลา ทำให้ไม่ได้นอน ไม่มีเสลด เมื่อเริ่มกินใหม่ๆการหายใจดีขึ้น พอดื่มหมดที่ 2 เท้าชาดีขึ้นมาก คุณอุหมากบอกว่าพอใจผลของคาวตอง 100 %
  2. พ่อเจริญ/ ขวัญเรือน สุขแก่น อายุ 56 ปี(โทรฯ 081-039-5xxx) อยู่บ้านตากฟ้าพัฒนา  72/1 หมู่ 5 ต.ปางสวาย อ.ปางศิลาทอง จ.กำแพงเพชร ป่วยด้วยโรคหอบหืด หมอบอกว่ากระดูกสันหลังคด กระดูกไปกดเส้นประสาท มีอาการปวดหลังและขา ปวดขึ้นถึงบั้นเอวรุนแรงจนทำงานไม่ไหว เวลาเดินต้องเดินตะแคงตัวเดิน ต้องเดินไปพักไปเป็นระยะ ระบบหายใจมีปัญหาเวลาหายใจจะมีเสียงดัง ต้องไปรับยาที่ รพ.มาพ่นช่วยการหายใจ ทุก 5-7 วัน (รพ.ปางศิลาทอง) เป็นมาเกือบสิบปีแล้ว ดื่มคาวตองไป 1 ขวด ตอนนี้หอบหืดดีขึ้น ไม่ค่อยได้พ่นยาแล้ว ถือว่าดีขึ้นเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์  สามารถยืนตัวตรงได้ เดินตรง ทำงานได้เป็นปกติ ยกกระสอบปุ๋ยกับเพื่อนน้ำหนัก 50 กก.ได้แล้ว โดยยกได้วันละเป็นสิบกระสอบ