Godraiyornt 3 สวัสดี ครับในตอนนี้ ผมจะนำเอาความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคกรดไหลย้อน และกลไกการออกฤทธิ์ของสมุนไพรคาวตอง ที่ผลิตโดยผ่านการหมักแบบชีวภาพ และทำเป็นผงแห้งโดยวิธีพิเศษ ซึ่งในบทความนี้จะขอเรียก “คาวตองแคปซูล” และน้ำสมุนไพรคาวตอง ที่ผลิตโดยกรรมวิธีการหมักชีวภาพ และมีการเสริมเพิ่มกรรมวิธีพิเศษบางประการเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งในที่นี้ผมจะขอเรียกว่า “น้ำสมุนไพรคาวตอง” ก็แล้วกันมาเล่าให้ท่านได้รับทราบข้อมูลในบางแง่มุมนอกเหนือจากที่ท่านได้ ทราบ โดยในภาพรวม ทั้ง “คาวตองแคปซูล” และ“น้ำสมุนไพรคาวตอง” จะมีกลไกการออกฤทธิ์เหมือนๆกัน จะแตกต่างในรายละเอียดไม่มากนักซึ่งก็จะยกไปเล่าในภาคอื่นก้แล้วกัน และสำหรับโรคกรดไหลย้อน “คาวตองแคปซูล” และ“น้ำสมุนไพรคาวตอง” มีวิธีการทำงานหรือกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร ทำไมผู้ป่วยที่มีประสบการกินและดื่มคาวตองทั้งสองชนิดที่ผมพัฒนาขึ้นมา ถึงได้มีอาการที่เกิดจากโรคกรดไหลย้อนดีขึ้นชัดเจน มาเล่าให้ท่านฟัง เพื่อใช้เป็นแนวทางการดูแลสุขภาพในกรณีที่ท่านประสบปัญหาเรื่องของโรคกรดไหล ย้อน  โดยจะขอนำเอาข้อมูลส่วนที่น่าสนใจ และเป็นประโยชน์ในการนำไปใช้ได้จริง มาเล่าให้ท่านฟัง ก็ขอให้ท่านได้โปรดใช้วิจารณญานในการรับฟังและรับเอาความรู้ไปใช้ ให้เหมาะสมกับตัวท่านก็แล้วกัน โปรดจำไว้ว่า “ลางเนื้อ ชอบลางยา” น่ะครับ

จากข้อมูลที่ได้จากการวิจัยและประสบการณ์ที่รวบ รวมได้จากภาคสนามเพื่อการทำวิจัยต่อยอดในโครงการชื่อ ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นจากการกิน “คาวตองแคปซูล” และโครงการวิจัยอื่นๆที่เกี่ยวข้องของทีมงานของพวกเรา ภาพรวมกลไกการออกฤทธิ์ต่อโรคกรดไหลย้อนของ “คาวตองแคปซูล” น่าจะเป็นดังนี้

  1. เพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย สารออกฤทธิ์ใน “คาวตองแคปซูล” และ “สมุนไพรคาวตองชนิดน้ำ” สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันในหนูทดลองให้ยับยั้งเชื้อก่อโรคในจานเพาะเลี้ยง ได้อย่างน้อย 5 ชนิด  ภูมิคุ้มกันใหม่จึงลดภาระงานของร่างกายลงและเหลือภูมิต้านทานเดิมที่มีอยู่ ไปป้องกันสิ่งแปลกปลอมที่จะไปทำให้หูรูดทางเดินอาหารเสื่อมประสิทธิภาพได้ดี ขึ้น
  2. “คาวตองแคปซูล” และ “สมุนไพรคาวตองชนิดน้ำ” มีคุณสมบัติกระตุ้นไขกระดูกให้ผลิตและเพิ่มจำนวนสะเต็มเซลล์ให้มากขึ้น สะเต็มเซลล์เป็นเซลล์ตั้งต้นในการเกิดขึ้นของเซลล์เม็ดเลือดหลายชนิดซึ่งรวม ทั้งสะเต็มเซลล์ที่มีหน้าที่เป็นกล้ามเนื้อหูรูดของทางเดินอาหารที่ทำ หน้าที่เป็นประตูปิดเปิดให้อาหารไหลผ่านจากหลอดอาหารและป้องกันไม่ให้อาหาร ไหลย้อนขึ้นไปด้านบนของกระเพาะอาหารได้ดีขึ้น นอกจากนี้เซลล์ที่ทำหน้าที่ผลิตกรด น้ำย่อยและเมือกเคลือบผนังกระเพาะอาหารก็จะได้รับการฟื้นฟูด้วยสะเต็มเซลล์ ที่สร้างใหม่ ทำให้ระบบการทำงานของกระเพาะอาหารโดยรวมดีขึ้น   

Godraiyornt 1ปัจจุบัน กรดไหลย้อนเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยมาก ร้อยละ 10 ของ คนทั้งโลก ป่วยเป็นโรคกรดไหลย้อน  บทความที่เขียนโดย รศ. นพ. กิตติ จันทร์เสริมฤทธิ์ สาขาทางเดินอาหารและตับ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่เขียนในวารสารอายุรศาสตร์อีสาน ปีที่ 10 ฉบับที่ 3 ก.ย.- ก.ค. 54 ระบุว่าคนไทยเป็นโรคกรดไหลย้อนประมาณ 7.4%ของกลุ่มประชากรที่สำรวจ และสถิติทั่วโลกคนที่เคยมีอาการกรดไหลย้อนในรอบ 1 เดือนมีถึงร้อยละ 50 และร้อยละ 10 ในรอบ 1สัปดาห์ ซึ่งจะเห็นว่าคนทั่วไปมีปัญหากรดไหลย้อนสูงมาก ส่วน สาเหตุก็มาจากมีกรดในกระเพาะมากเกินไป หูรูดระหว่างกระเพาะและทางเดินอาหารไม่แข็งแรง จึงทำหน้าที่ปิดเปิดไม่สนิท นอกจากนี้ก็เกิดจากการที่การบีบรัดตัวของหลอดอาหารอ่อนแรงเป็นต้น ส่วนอาหารและเครื่องดื่มที่มีผลส่งเสริมโรคกรดไหลย้อนเช่น แอลกอฮอล์ กาแฟ ช็อคโกแลต เครื่องเทศ เป็บเปอร์มิ้นท์(ยาลดกรดส่วนใหญ่ผสมน้ำมันเป็บเปอร์มิ้นท์) ก็เป็นสาเหตุส่งเสริมให้อาการของโรคกรดไหลย้อนรุนแรงขึ้น วิธีการรักษาก็ให้เลือกวิธีที่เหมาะสมและคุ้มค่าเนื่องจากเป็นโรคเรื้อรัง และอาการจะเป็นๆหายๆ

จะ เห็นว่าโรคกรดไหลย้อนเป็นโรคเรื้อรังไม่หายขาด ทำให้ระยะเวลาที่ต้องกินยานานหรือตลอดชีวิต ด้วยเหตุนี้ยากลุ่มที่ใช้สำหรับทางเดินอาหารมียอดขายสูงที่สุดในสหรัฐ อเมริกา โดยมีมูลค่าร่วมแสนล้านบาทโดยเฉพาะยาลดกรดกลุ่ม Proton pump inhibitors ที่ออกฤทธิ์ลดกรดได้แรงมาก ออกฤทธิ์โดยตรงที่ต่อมผลิตกรด จนมีรายงานในสหรัฐอเมริกาว่าสามารถทำให้เกิดมะเร็งต่อมไร้ท่อ(adenocarcinoma)ได้ จากข้อมูลที่รวบรวมจากต่างประเทศ มีจุดสังเกตในเรื่องการปฏิบัติต่อโรคกรดไหลย้อนของการแพทย์แบบแผนทั่วโลกหลายประการคือ

  1. การกินอาหารมากจะไปกระตุ้นให้ร่างกายผลิตกรดออกมามากโดยเฉพาะอาหารโปรตีนกระตุ้นการผลิตกรดมากกว่าอาหารกลุ่มอื่นๆ
  2. กรด ในกระเพาะมีประโยชน์ช่วยให้น้ำย่อยทำงานได้ดีขึ้นและมันยังช่วยลดจำนวนเชื้อ ก่อโรคที่ติดมากับอาหารได้บางส่วนทุกวันอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น จากสถิติพบว่าผู้สูงอายุที่มีกรดในกระเพาะน้อยกลับเป็นกลุ่มคนที่มีการเกิด โรคกรดไหลย้อนมากกว่ากลุ่มอื่นซึ่งคนกลุ่มนี้ไม่ควรกินยาลดกรด แต่ควรกินโปรตีนมากขึ้นเพื่อกระตุ้นการหลั่งกรดออกมาช่วยย่อยอย่างนั้นหรือ
  3. จากการศึกษาเมื่อเร็วๆนี้ก็ยังพบอีกว่าเมื่อให้กลุ่มทดลองกินอาหารพวกแป้งน้อยมากๆลงถึงวันละเพียง 20กรัมจะสามารถหยุดอาการกรดไหลย้อนได้ดีมากภายในหนึ่งสัปดาห์แม้ว่าคนกลุ่มนี้ จะยังคงมีพฤติกรรมไม่ดีต่อโรคกรดไหลย้อนเช่นสูบบุหรี่และดื่มกาแฟแต่ก็ สามารถหยุดการกินยารักษาโรคกรดไหลย้อนทั้งหลายได้โดยสิ้นเชิง
  4. นัก วิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจนว่าทำไมการกินอาหารแป้งน้อยถึงทำให้ อาการกรดไหลย้อนดีขึ้นได้ แต่คิดว่าการกินแป้งในปริมาณน้อยลงทำให้มีผลต่อการทำงานของฮอร์โมนหลายชนิด ที่ควบคุมการปิดเปิดของหูรูดระหว่างหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร (LES, lower esophageal sphincter)
  5. ในต้นปี 1980 ดร.แบรี่ มาร์แชล แพทย์ชาวออสเตรเลียพบว่าแบคทีเรียชื่อ Helicobacter pylori เป็น สาเหตุทำให้กระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง ซึ่งส่วนมากส่งผลต่ออาการส่วนใหญ่ที่เกิดจากโรคกรดไหลย้อน มีการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์มากกว่า 16,000 ชิ้นที่แสดงว่าทำไมการลดกรดในกระเพาะถึงลดความสามารถของร่างกายในการทำลาย H. pylori  ดังนั้นการลดปริมาณกรดในกระเพาะ ซึ่งก็คือกินยาลดกรด จึงเป็นวงจรทำให้อาการของกรดไหลย้อนเลวลงกว่าเดิมไปเรื่อย
  6. ในการศึกษาครั้งหนึ่ง เกี่ยวกับยาลดกรดกลุ่มโปรตอนปั๊ม พบว่ามีคนที่ร่างกายแข็งแรงร้อยละ 40 มีการแสบร้อนยอดอกหลังหยุดยากลุ่มนี้เป็นเวลา 1 สัปดาห์ เนื่องจากเกิดกลไกการย้อนกลับ โดยผลิตกรดของกระเพาะอาหาร ชดเชยปริมาณของกรด ที่ขาดหายไปช่วงที่กินยาลดกรดกลุ่ม PPIs ที่เรียกว่า  “rebound acid hypersecreation” เป็นการผลิตกรดของต่อมไร้ที่มากกว่าที่เคยผลิตตามปกติ ของต่อมไร้ท่อที่เคยทำหน้าที่ผลิตกรดและมักเกิดขึ้นภายในระยะเวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์หลังหยุดกินยา PPIs ซึ่งยังไม่เคยพบเรื่องแบบนี้มาก่อน
  7. ในประวัติศาสตร์ของวงการแพทย์คือช่วงก่อนสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เรื่องของ Rebound acid Hypersecreationก็เคยเกิดขึ้นมาครั้งหนึ่งกับยาลดกรดที่ประกอบด้วย Sodium bicarbonate หรือ ที่ชาวบ้านยุคนั้นรู้จักกันดีก็คือ ยาเม็ดโซดามิ้นท์ ที่มีตัวยาหลักคือโซเดียมไบคาร์บอร์เนตหรือผงฟูนั่น ที่มีกลิ่นหอมของน้ำมันเป็บเปอร์มิ้นท์ กินแล้วลดกรดได้อย่างรวดเร็วเพราะการที่โซเดียมไบคาร์บอเนท มีฤทธิ์เป็นด่าง จึงเข้าไปทำปฏิกิริยากับกรด ที่มีอยู่ในกระเพาะตรงๆ ทำให้กรดหายไปจากกระเพาะ อาการปวดแสบปวดร้อน ที่เกิดจากกรดไประคายแผลในกระเพาะ ก็ลดลงทันที ยาเม็ดโซดามิ้นท์มีกลิ่นหอมคล้ายขนม สามารถเคี้ยวได้สะดวกบางคนเคี้ยวทีละหลายๆเม็ดเพราะเชื่อว่าการเพิ่มปริมาณ จะทำให้โรคกระเพาะหายได้เร็วขึ้น โดยมุ่งหวังใช้ยาเข้าไปกำจัดกรด ที่ทำให้ปวดกระเพาะ แต่เป็บเปอร์มิ้นท์ มีฤทธิ์อื่นที่เป็นผลเสียต่อโรคกรดไหลย้อน คือน้ำมันเป็บเปอร์มิ้นท์มีฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อหูรูดของกระเพาะอาหารคลาย ตัว ทำให้เกิดการเรอเอาแก๊สในกระเพาะออกมา ทำให้หายท้องอืดได้ การคลายตัวของหูรูดกระเพาะอาหาร ยังจะทำให้อาหารที่มีกรดจากกระเพาะอาหาร ไหลย้อนได้ง่านขึ้นอีกด้วย ภาพรวมต่างๆเหล่านี้ทำให้ผู้คนที่นิยมกินยาเม็ดโซดามิ้นท์ และกินเป็นนิสัยเพื่อป้องกันการปวดท้อง และท้องอืดทุกวันและมีกรดระคายเคือง เยื่อบุหลอดอาหารทุกวันแล้วก็กินยาลดกรดทุกวัน เกิดกรดไหลย้อนมากขึ้นตามไปด้วย เป็นวัฏจักรเลวร้าย ผลที่เกิดขึ้น จะทำให้ร่างกายมีกรดในกระเพาะไม่เพียงพอ ที่จะไปช่วยให้น้ำย่อยทำงานได้ดี และการที่มีกรดไม่เพียงพอก็ไม่สามารถทำหน้าที่ลดจำนวนเชื้อโรค ที่ติดมากับอาหารที่เรากินเข้าไปทุกวันลงได้ และเมื่อร่างกายตรวจพบว่า กรดที่ผลิตออกมาเพื่อทำหน้าที่ ตามที่ได้ออกแบบไว้มีจำนวนน้อยลง ร่างกายก็จะเริ่มผลิตกรดออกมามากขึ้นเพื่อชดเชยจำนวนที่ขาดหายไปกับยาลดกรด และให้มีจำนวนในกระเพาะเพียงพอเสมอ จะเห็นได้ว่าร่างกายต้องผลิตกรดออกมา ในจำนวนที่มากขึ้น คือผลิตเท่ากับจำนวนที่ต้องไปทำปฏิกริยากับยาโซดามิ้นท์รวมกับจำนวนที่ต้อง การใช้งานจริงๆ เมื่อเจ้าของร่างกายกินโซดามิ้นท์มากขึ้น หรือกินทุกวัน ก็จะทำให้ร่างกายผลิตกรดมากขึ้น และจะผลิตออกมามากเป็นเหมือนสมการคณิตศาสตร์ที่กล่าวไว้แล้วนี้ตลอดเวลา และในที่สุดก็จะเกิดปรากฎการณ์ ที่กระเพาะมีกรดมากจนควบคุมไม่ได้ และกรดไปกัดผนังกระเพาะของตัวเองถูกกรดกัดจนทะลุ หรือเรียกว่า  Rebound acid Hypersecreationในสมัยที่มีการใช้ยาที่มีส่วนผสมของโซดามิ้นท์กันแพร่หลาย เมื่อราวๆ 70 ปีที่ผ่านมา แต่ในปัจจุบัน วงการแพทย์ก็กลับมาพบวงจรเลวร้ายเดิมๆอีกครั้ง กับยากลุ่ม PPIs ที่ผมเห็นว่า เกิดจากเราทำอะไรที่ไม่เป็นธรรมชาติกับร่างกายเรานั่นเอง การเปลี่ยนไปกินยาลดกรดกลุ่มอื่นเช่น H-2 Blocker หลังจากการลดปริมาณ ยาลดกรดกลุ่ม PPIs อาจ บรรเทาปัญหาเรื่องร่างกายผลิตกรดล้นเกินลงไปได้บ้างแต่หากเรายังใช้ ยุทธศาสตร์ การรักษาโรคกระเพาะอาหารที่มักเกิดร่วมกับโรคกรดไหลย้อน โดยใช้ยา เพื่อชดเชยการทำงาน หรือความผิดปกติของร่างกายเช่น กินยาลดกรดแบบที่กล่าวมาข้างต้น และต้องกินยาช่วยย่อยหรือกรดไฮโดรคลอริกที่เป็นกรดที่กระเพาะผลิตขึ้นในรูป แบบที่พัฒนาขึ้นมาเช่น betaine hydrochloric เพื่อให้ระบบการย่อยอาหารดีขึ้น และช่วยลดปริมาณเชื้อโรคในลำไส้ลง ก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลสักเท่าไร ที่จะทำให้ผู้ป่วยโรคกระเพาะอาหาร และกรดไหลย้อนกลับหายป่วย นอกจากนี้ในต่างประเทศ ก็ยังมีวิธีทางเลือกอื่นๆ ที่ถูกนำเสนอว่า จะช่วยบรรเทาโรคกรดไหลย้อนได้เหมือนกันเช่น
  • การออกกำลังกายเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน
  • สารต้านอนุมูลอิสระ astaxanthin ก็พบว่า ลดอาการกรดไหลย้อนได้บ้าง
  • ขิง สามารถยับยั้งเชื้อ H. pylori ได้
  • สารเสริมอาหาร ที่มีส่วนผสมของ  melatonin, l-tryptophan, vitamin B6, folic acid, vitamin B12, methionine and betaine  พบว่ามีคุณสรรพคุณเหนือกว่า Omeprazole ที่เป็นตัวแทนยากลุ่ม PPIs ในการรักษาโรคกรดไหลย้อน และไม่มีผลข้างเคียง หรือแม้แต่น้ำก็ยังเคยพบว่า มีผลดีกว่ายาลดกรดด้วยซ้ำ ซึ่งผมเองคิดว่า เราควรพิจารณาการใช้ยาลดกรดกลุ่มPPIs ในระยะยาวเสียใหม่ และแสวงหาวิธีทางเลือก ที่ปลอดภัยพร้อมกับได้ผลมากกว่า
  • Godraiyornt 2จาก ประสบการณ์ของผม ที่ได้ลงไปพบผู้ป่วยทั่วประเทศพบว่า โดยมากคนที่ป่วยด้วยโรคกรดกระเพาะอาหารอักเสบ เมื่อสอบถามเพิ่มเติม มักพบอาการโรคกรดไหลย้อนร่วมด้วยเสมอ ผมเองมีความเห็นว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อน เกิดจากกล้ามเนื้อ ที่ทำหน้าที่ปิดเปิดทางผ่านระหว่างหลอดอาหาร และกระเพาะอาหารไม่แข็งแรง ทำให้กรดที่ผลิตขึ้นในกระเพาะอาหาร ไหลย้อนขึ้นมาระคายเคือง เยื่อบุของหลอดอาหารเป็นแผลได้ การรักษาโรคกรดไหลย้อนในปัจจุบัน มักนิยมให้กินยาลดกรด เพื่อลดปริมาณกรดที่มีในกระเพาะอาหารลง  อันไม่ใช่การรักษาที่ต้นเหตุของโรคกรดไหลย้อนจริงๆ ซึ่งวิธีลดกรดบ่อยๆก็จะทำให้ปริมาณกรดในกระเพาะอาหารหายไป ทำให้กรดที่มีหน้าที่ช่วยให้น้ำย่อยในกระเพาะอาหารทำงานได้ดีขึ้น และช่วยฆ่าเชื้อที่ติดมากับอาหารลดน้อยลงไป แต่เนื่องโรคกรดไหลย้อนเป็นโรคเรื้อรัง  ต้องรักษากันนานๆ ดังนั้นวิธีรักษาโดยอาศัยยาลดกรดต่อเนื่อง จึงทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสกินยาลดกรดยาวนานนับปี ผลที่เกิดขึ้นก็คือ กรดที่กระเพาะผลิตขึ้น ก็มีไม่เพียงพอ การย่อยอาหารก็ไม่สมบูรณ์ ทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมสารอาหารได้เต็มที่ ขาดสารอาหาร และลำไส้เกิดการติดเชื้อบ่อย เนื่องจากกรดที่คอยทำลายเชื้อโรคมีไม่พอ เป็นการซ้ำเติมความเจ็บป่วย ให้มากยิ่งขึ้นไปอีก        

    จากแนวโน้มของการแพทย์สะเต็มเซลล์ ในการใช้รักษาโรคที่รักษาเสื่อมต่างๆ ที่มีมากกว่า 70 ชนิด และโรคกรดไหลย้อน ที่เป็นหนึ่งในโรคเสื่อมดังกล่าวนี้ด้วย ทำให้เราสามารถอธิบายกลไกการทำงานของสมุนไพร ต่อโรคกรดไหลย้อนได้ดังนี้ เมื่อร่างกายโดยเฉพาะที่ไขกระดูก ได้รับสัญญานหรือการกระตุ้น จากสารเบต้ากลูแคนในคาวตองแคปซูล “ยาคาวตองแคปซูล” และ “น้ำสมุนไพรคาวตอง”  ไขกระดูกจะสร้างสะเต็มเซลล์มากขึ้น โดยปกติเซลล์ที่บาดเจ็บ เสียหาย หรือไม่ปกติ จะส่งสัญญานไปเรียกสะเต็มเซลล์ให้เข้ามาเกาะติด(Homing) กับเนื้อเยื่อนั้นเสมอ ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำในร่างกายของเราทุกวันตลอดชีวิต จะเห็นว่าสะเต็มเซลล์ที่เกิดใหม่ จะไปยึดเกาะกับหูรูดทางเดินอาหาร ที่ทำงานไม่ปกติ อ่อนแรงลง แผลที่กระเพาะอาหาร หลอดอาหารที่อักเสบและเปลี่ยนแปลงตัวเอง(Differentiate) ให้เป็นเนื้อเยื่อนั้นๆ ให้เป็นปกติหรือซ่อมแซมได้มากขึ้น เร็วขึ้นกว่าปกติ และเนื่องจากไขกระดูกได้รับเบต้ากลูแคนที่มีอยู่ในยาคาวตองแคปซูลหรือน้ำ สมุนไพรคาวตองทุกวัน  ๆละ 2 ครั้ง ร่างกายเราจึงสร้างสะเต็มเซลล์ทุกวันอย่างต่อเนื่อง และก็มีการซ่อมแซมหูรูด ที่ทำงานบกพร่องไปอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ในที่สุดความเสียหายที่หูรูดของกระเพาะอาหาร และมีจำนวนจำกัด ก็ย่อมได้รับการซ่อมแซม ให้กลับคืนเป็นปกติทีละน้อย จนแข็งแรง และสามารถทำหน้าที่เป็นประตูปิดเปิด ให้อาหารไหลไปในทิศทางเดียว ไม่ย้อนกลับ ร่างกายก็หายจากอาการกรดไหลย้อนได้ โดยไม่ไปรบกวนขบวนการสร้างกรด ของกระเพาะอาหาร และไม่สงผลเสียหายต่อการทำงานของระบบทางเดินอาหาร เหมือนการรักษาตามอาการ เช่นใช้ยาลดกรด ยาช่วยย่อย ยาขับลมตามวิธีการรักษาในปัจจุบัน ในการออกไปเก็บข้อมูลทำวิจัยในโครงการวิจัย “ปรากฎการณ์ที่เกิดจากการกินพลูคาวแคปซูล  ที่มี ดร.สุดา เนตรสว่างเป็นหัวหน้าโครงการวิจัย เราพบว่ามีผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อนจำนวนหลายคนที่ดื่มและกินคาวตองแคปซูล สามารถลดอาการของกรดไหลย้อนลงได้จนกลับมาเป็นปกติได้ค่อนข้างชัดเจน สามารถใช้เป็นแนวทาง ในการดูแลรักษาโรคกรดไหลย้อนทางเลือกได้เป็นอย่างดี

  • หมายเหตุ : ข้อมูลที่เขียนในบทความเป็นความเห็นและประสบการณ์เฉพาะของผู้เขียน การนำเอาไปใช้เองต้องผ่านการพิจารณาโดยรอบคอบจากตัวท่านเองและผู้เชี่ยวชาญ ที่เกี่ยวข้องก่อนเสมอภก.อุดม รินคำ
  • กรณีศึกษา

    1. ผู้ป่วยชายไทย(คุณสุชิน ทองศรี)อายุ 57 ปี อยู่ที่จ.กระบี่ ป่วยด้วยโรคกรดไหลย้อนรุนแรงต่อเนื่องมานานกว่า 12 ปี อาการของโรคกรดไหลย้อนนี้รุนแรงและทรมานมาก บอกว่าร้อนและแสบท้องเหมือนมีไฟมาสุม ไม่เคยมีชั่วโมงไหนตลอดระยะเวลา 12 ปีกว่า ไม่มีชั่วโมงใดเลยที่อาการทรมานดังกล่าวจะหายไปจากตัวของ ตระเวนไปรักษาตัวตาม รพ.ต่างๆหลายแห่ง ขายที่สวนยางและที่นาไป 2 แปลงเพื่อรักษาตัว หมดเงินไปร่วมสามล้านบาท ก็ไม่หาย จนคิดฆ่าตัวตายหลายครั้งแล้ว คุณสุชินมีโอกาสมาดื่ม“สมุนไพรคาวตองชนิดน้ำ”ไปได้ 4 วัน อาการที่เกิดจากโรคกรดไหลย้อนลดลงกว่าร้อยละ 90เปอร์เซ็นต์ ท่านบอกว่าเมื่อดื่มครั้งแรกตอนบ่ายของวันพฤหัสบดีจำนวน 10 มล. อาการปวดแสบปวดร้อนที่เป็นอยู่ก็หายไปแล้ว ร้อยละสี่สิบภายในเวลาเพียง 5 นาที ปัจจุบันเวลาผ่านไปแล้วสองปีกว่า ผมได้มีโอกาสกลับไปพบท่านอีกครั้งหนึ่ง เพื่อสอบถามอาการของโรคกรดไหลย้อน ก็ทราบว่าอาการปวดแสบปวดร้อนที่เคยหายไปไม่กลับมาเป็นอีกเลย และผมก็ได้โทรศัพท์ไปสอบถามอาการท่านอีกหลายครั้ง ก็ยังยืนยันว่า โรคกรดไหลย้อนหายไปแล้ว ร่างกายแข็งแรง สามารถทำงานกรีดยางในสวนได้ตลอดวันโดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย
    2. ผู้ป่วยหญิงอายุ 32 ปี ป่วยด้วยโรคกรดไหลย้อนมาตั้งแต่อายุ 14 ปี จนอายุ 32 ปี รวมป่วยมา 18 ปี เมื่อเกิดกรดไหลย้อนมากๆจะอาเจียนข้ามวันข้ามคืน ดื่ม“สมุนไพรคาวตองชนิดน้ำ” นาน 6 เดือน คุณภาพชีวิตกลับเป็นปกติเหมือนคนไม่เคยเป็นโรคกรดไหลย้อนมาก่อน
    3. ผู้ป่วยหญิงไทย(ป้ากี่ ทันการณ์) อายุ 60 ปี (30 ส.ค.56)อยู่บ้านเลขที่ 111 ถนนเพชรเกษม ต.เขาใหญ่ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ (โทรศัพท์ 080-8422xxx)ป่วยเป็นกรดไหลย้อน แสบร้อนในท้องจนถึงคอ ปวดแน่นตามร่างกาย เป็นเบาหวาน มีแผลที่โดนไม้เสียบลูกชิ้นแทงที่เท้า เป็นแผลลึก หมอที่ รพ.ต้องคว้านเนื้อออกรักษาตัวที่ รพ.นาน ราว 1 เดือน“สมุนไพรคาวตองชนิดน้ำ”   ดื่ม สมุนไพรคาวตองแบบน้ำไป 3-4 วัน มีอาการปวดท้องมาก หลังจากนั้นอาการปวดจึงลดลง อาการกรดไหลย้อนดีขึ้นหลังจากดื่มไปแล้ว 4 ขวด  สามารถทานอาหารได้ตามปกติ
    4. ลุงเหลื้อม ส่งเสริม บ้านเลขที่  60  หมู่ 8  ต. เขาอุเทน อ.วังวิเศษ จ. ตรัง กรดไหลย้อนมาราว  5 เดือน ลิ้นหัวใจรั่ว ดื่มคาวตองชนิดน้ำหมดไป 3 ขวดดีขึ้นราว 80% แน่น หน้าอก สั้นๆบางทีก็นาน เวลานอนไม่เป็น หมอให้กลืนแป้ง เอ็กเรย์ ได้ยามากินบ่อยๆ ลื่นในห้องน้ำ แข้งกระแทก ชาที่หน้าแข้งเป็นมาราว 10เดือน ลิ้นหัวใจรั่วไปตรวจรักษามานานหลายปี ที่ จ. ตรัง ตรวจมา 3 หมอแล้ว เจ็บหัวใจหมด กินยาก็ไม่ทุเลา ค่ารักษา 1 พันบาททุก 7 วัน  เหนื่อยง่าย หัวใจเต้นหวิวๆ ดื่มคาวตอง ทำให้ร้อนไปหมดทั้งคืนจึงลดปริมาณดื่มไป 3 วันก็ดีขึ้น ดื่มไป 3 ขวด ดีขึ้นเบาสบายตัวหมด
    5. ป้าเพียร  แป้งปรุง อายุ 76 ปี บ้านเลขที่ 38 หมู่ 7บ้าน ควนม่วง ต.ประกาศัย อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ ริดสีดวง กระเพาะอักเสบ กรดไหลย้อน นิ่วในไต ปัสสาวะบ่อย ท้องผูก  ปวดหัว ปวดสันหลังลุกนั่งและเดินลำบาก ความดันโลหิตสูง ปวดตามลำตัวไปหมด กลางคืนกว่าจะได้นอนต้องราวตี 2 นอนแทบไม่ได้ ไม่ไปโรงพยาบาลเลย หายามากินเอง คิดว่าตัวเองป่วยมากคงไม่รอด ดื่มไปขวดแรกปวดมากต้องลงนอนแต่ก็ทนสู้ ลูกสองคนไม่อยากให้กินแต่ลูกอีกคนบอกให้กินต่อ เมื่อดื่มหมดไป 1 ขวด เดินได้ดีขึ้น ขวดที่ 2 เบาลง จากท้องผูก 3-4 ถ่าย ครั้งหนึ่งก็ถ่ายทุกวัน ก่อนนี้ฉี่บ่อยเห็นน้ำก็อยากฉี่เลย ปัสสาวะเคยเหม็นคาวก็ปัสสาวะเป็นปกติแล้ว ไม่ปวดนิ่วขณะปัสสาวะอีกแล้ว กรด